สํานักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) ซึ่งต่อไปในประกาศนี้ เรียกว่า “สํานักงาน” ตระหนักและให้ความสําคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลผู้ที่สมัครงานกับ สํานักงาน และบุคคลผู้ที่ได้รับการบรรจุเป็นผู้ปฏิบัติงานของสํานักงาน และถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ในเรื่องการเคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้สมัครและผู้ปฏิบัติงานเป็นสําคัญ
คําประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (“ประกาศ”) ฉบับนี้จึงถูกจัดทําขึ้นเพื่อให้ท่าน ในฐานะผู้สมัครงานและ ผู้ปฏิบัติงาน ได้ทราบและเข้าใจรูปแบบ วัตถุประสงค์ วิธีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิด เผย (รวมเรียกว่า “ประมวลผล”) ข้อมูล ส่วนบุคคล รวมทั้งสิทธิต่าง ๆ ของท่านภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
ทั้งนี้ การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ในประกาศนี้ สํานักงานดําเนินการในฐานะผู้ควบคุม ข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller) ซึ่งหมายความว่า สํานักงานเป็นผู้มีอํานาจ หน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
คำนิยาม
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทําให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือ ทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
“สํานักงาน” หมายความว่า สํานักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน)
“ผู้ปฏิบัติงาน” หมายความว่า เจ้าหน้าที่และผู้ปฏิบัติงานของสํานักงานตามมาตรา 33 แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้ง สํานักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2561
สํานักงานดําเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังนี้
- 1. ฐานกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
- 1.1. สํานักงานเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้ฐานกฎหมายดังต่อไปนี้
- 1.1.1. ความจําเป็นในการปฏิบัติตามสัญญาหรือความจําเป็นในการดําเนินการเพื่อเข้าทําสัญญาที่ท่านเป็น คู่สัญญากับสํานักงาน เช่น สัญญาจ้าง โดยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีความจําเป็นอย่าง ยิ่งเพื่อประกอบการทําสัญญาจ้างและ การดําเนินการที่เกี่ยวข้องกับการเป็นผู้ปฏิบัติงานของสํานักงาน เช่น การประเมินผล การจัดสวัสดิการ วันหยุด วันลา การ จัดทําประกันภัยกลุ่ม สิทธิประโยชน์ และการบริหารจัดการด้านการสมัครและการจ้างแรงงาน ซึ่งการที่ท่านไม่ให้ข้อมูลส่วน บุคคลที่มีความจําเป็นดังกล่าวจะมีผลทําให้สํานักงานไม่สามารถดําเนินการรับสมัครและจ้างแรงงานได้
- 1.1.2. ความจําเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. 2542 โดยเฉพาะ บทบัญญัติเกี่ยวกับคุณสมบัติเจ้าหน้าที่องค์การมหาชน มาตรา 28 35 และ 38 รวมถึง ระเบียบ ประกาศหรือข้อบังคับเกี่ยวกับ การบริหารงานบุคคลที่ออกตามความพระราชบัญญัติดังกล่าว การบริหารจัดการด้านภาษีอากรของผู้ปฏิบัติงาน รวมถึงการ ปฏิบัติตามคําสั่งศาล เป็นต้น
- 1.1.3. ความจําเป็นในการดําเนินงานตามภารกิจสาธารณะหรือการใช้อํานาจรัฐที่สํานักงานได้รับภายใต้ พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสํานักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2561 โดยเฉพาะบทบัญญัติเกี่ยวกับ คุณสมบัติเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 33 รวมถึงระเบียบ ประกาศหรือข้อบังคับเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลที่ออกตามความ พระราชกฤษฎีกาดังกล่าว
- 1.1.4. ความจําเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของสํานักงาน โดยประโยชน์ดังกล่าวมีความสําคัญ ไม่น้อยไปกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เช่น การดําเนินการเพื่อรักษา ความปลอดภัยอาคารสถานที่ในความ ดูแลของสํานักงาน หรือการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านก่อนเข้าสู่กระบวนการทําสัญญา การตรวจสอบรายชื่อผู้ล้มละลาย การตรวจสอบประวัติการ ทํางานย้อนหลังจากแหล่งข้อมูลอื่น การวิเคราะห์ความเหมาะสม เปรียบเทียบ คัดเลือก ผู้สมัครงาน รวมถึงการบริหารจัดการหรือกิจกรรมภายในของสํานักงาน เป็นต้น
- 1.1.5. ได้รับความยินยอมที่สมบูรณ์จากท่าน ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่จําเป็นต้องได้รับความ ยินยอมของท่าน เช่น การตรวจประวัติอาชญากรรม การเก็บข้อมูลชีวภาพเพื่อการลง ทะเบียนเข้าออกงาน การจัดการสื่อ โฆษณาหรือประชาสัมพันธ์ของสํานักงานซึ่งมีผู้ปฏิบัติงานปรากฏเป็นส่วนหนึ่งส่วนใด การประกาศวันเกิด หรือการแสดงความ อาลัยเกี่ยวกับความสูญเสียบุคคล ในครอบครัวของผู้ปฏิบัติงาน เป็นต้น 1.2. สํานักงานเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวตามมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ซึ่งเข้าเงื่อนไขที่ไม่จําเป็นต้องได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้ง เพื่อวัตถุ ประสงค์ดังต่อไปนี้
- 1.1. สํานักงานเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้ฐานกฎหมายดังต่อไปนี้
- 2. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน สํานักงานดําเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้
- 2.1. เพื่อการรับสมัครงานที่ดําเนินการโดยสํานักงาน ซึ่งผู้สมัครงานดําเนินการติดต่อเข้ามาด้วยตนเอง หรือเป็นการประกาศรับสมัครภายในสํานักงาน
- 2.2. การตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครงาน เช่น อายุ สัญชาติ การตรวจสอบว่าเป็นบุคคลล้มละลาย ประวัติ อาชญากรรม ประวัติการถูกไล่ออก ปลดออกหรือให้ออกจากราชการการมีส่วนได้เสีย ในกิจการที่กระทํากับหรือแข่งขันกับ กิจการของสํานักงาน เป็นต้น
- 2.3. เพื่อดําเนินการสัมภาษณ์งาน วิเคราะห์ตรวจสอบประวัติการศึกษา ประสบการณ์ทํางานที่เกี่ยวข้อง
- 2.4. เก็บรักษาไว้เพื่อพิจารณาตําแหน่งงานที่เปิดรับใหม่ในอนาคต สําหรับผู้สมัครงานที่ไม่ได้รับการบรรจุเป็น ผู้ปฏิบัติงาน
- 2.5. ดําเนินการบรรจุ ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ปฏิบัติงาน จัดเตรียมบัตรประจําตัว เครื่องใช้ อุปกรณ์ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ อีเมล username password ของระบบต่าง ๆของสํานักงานเพื่อเตรียม ความพร้อมในการปฏิบัติงาน
- 2.6. เพื่อการจัดการและดําเนินการที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ของผู้ปฏิบัติงานและครอบครัว
- 2.7. การบริหารจัดการเรื่องเงินเดือน ค่าตอบแทนพิเศษ ค่าล่วงเวลา ค่าที่พัก ค่าเดินทาง รวมถึงกองทุนสํารองเลี้ยง ชีพและผลประโยชน์อื่น ๆ ของผู้ปฏิบัติงาน
- 2.8. บริหารจัดการด้านภาษีของผู้ปฏิบัติงาน เช่น ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย
- 2.9. การรักษาความปลอดภัยของอาคารสถานที่ และทรัพย์สินอื่น ๆ ของสํานักงาน
- 2.10. การบริหารจัดการด้านกิจกรรมของผู้ปฏิบัติงาน เช่น งานเลี้ยงปีใหม่ การดูงาน สัมมนา หรืองานสังสรรค์อื่น ๆ ที่จัดให้แก่ผู้ปฏิบัติงาน
- 2.11. การลงเวลาปฏิบัติงาน การบริหารจัดการด้านวันหยุด วันลา ขาดงาน สาย
- 2.12. การบริหารจัดการด้านสื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ซึ่งมีผู้ปฏิบัติงานเป็นพรีเซ็นเตอร์ หรือปรากฏเป็นส่วนใด ส่วนหนึ่งของสื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์ของสํานักงาน
- 2.13. ประกาศผู้ปฏิบัติงานใหม่ ผู้ปฏิบัติงานดีเด่น หรือได้รับการคัดเลือกเป็นผู้ปฏิบัติงานดีเด่น ประกาศครบอายุ การทํางาน ประกาศเกี่ยวกับการเลื่อนตําแหน่งและการย้ายหน่วยงานของผู้ปฏิบัติ งาน
- 2.14. การกําหนดเป้าหมายในการทํางาน ประเมินผลการทํางานของผู้ปฏิบัติงาน การพิจารณาปรับตําแหน่ง ปรับ เงินเดือน และพิจารณาเรื่องค่าตอบแทนพิเศษ
- 2.15. การเข้ารับการอบรม และการสอบวัดความรู้สําหรับผู้ปฏิบัติงาน
- 2.16. การตรวจสอบ สืบสวนสอบสวนพฤติกรรมทุจริต หรือขัดต่อกฎหมาย กฎระเบียบ และข้อบังคับการทํางาน ของสํานักงาน การพิจารณาและลงโทษทางวินัยหรือการใช้สิทธิตามสัญญาหรือ กฎหมาย
- 2.17. การส่งรายงานข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริตของผู้ปฏิบัติงานให้แก่หน่วยงานกํากับดูแล และหน่วยงานที่มีอํานาจ ตามที่มีกฎหมายกําหนด เช่น สํานักงานตํารวจ สํานักงานป้องกันและปราบปราม การฟอกเงิน สํานักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กรมสรรพากร กรมบังคับคดี สํานักงานตํารวจแห่งชาติ เป็นต้น
- 3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่สํานักงานเก็บรวบรวม
เพื่อวัตถุประสงค์ตามที่ได้แจ้งในข้อ 2. สํานักงานเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านดังรายการต่อไปนี้- 3.1. แหล่งข้อมูลและรายการข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม มีดังนี้
แหล่ง/วิธีการเก็บรวบรวม | รายการข้อมูลส่วนบุคคล |
---|---|
1. ข้อมูลที่เก็บโดยตรงผ่านการกรอกข้อมูลในเว็บไซต์ www.cea.or.th การกรอกใบ สมัครงาน หรือการที่ท่านส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่สํานักงานโดยตรง | ชื่อ นามสกุล ชื่อเล่น วัน/เดือน/ปีเกิด อายุ เพศ รูปถ่าย สัญชาติ ที่อยู่ที่ติดต่อได้ เบอร์โทรศัพท์มือถือ เลขบัตรประจําตัวประชาชน ใบขับขี่ ข้อมูลผู้ติดต่อสํารอง สถานะทางการทหาร ประวัติการศึกษา ประวัติการทํางาน เป็นต้น |
2. ข้อมูลที่เก็บโดยการใช้เทคโนโลยีตรวจจับหรือติดตามพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ www.cea.or.th ของท่าน | เว็บไซต์คุกกี้ ข้อมูลการจราจรทางคอมพิวเตอร์ ข้อมูลการ ใช้อุปกรณ์สื่อสาร คอมพิวเตอร์ อีเมล อินเตอร์เน็ต เป็นต้น |
3. ข้อมูลที่เก็บรวบรวมระหว่างการปฏิบัติงาน | ข้อมูลครอบครัวของผู้ปฏิบัติงาน กองทุนสํารองเลี้ยงชีพ รหัสพนักงาน เงินเดือน ค่าตอบแทน โบนัส ตําแหน่ง สวัสดิการ ภาษีอากร วันที่เริ่มจ้าง วันสิ้นสุดการจ้าง งานที่ ได้รับมอบหมาย ผลการประเมิน ประวัติการฝึกอบรม บันทึกการลา ข้อมูลความประพฤติ ข้อมูลจําลองใบหน้า ประวัติอาชญากรรม ศาสนา ข้อมูลสุขภาพ เป็นต้น |
- 4. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
สํานักงานอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบุคคลหรือนิติบุคคลประเภทดังต่อไปนี้- 4.1. บริษัทประกันภัย เพื่อการจัดทําประกันภัยกลุ่มให้แก่ผู้ปฏิบัติงานของสํานักงาน
- 4.2. เจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานที่มีอํานาจหน้าที่ หรือมีคําสั่งโดยชอบด้วยกฎหมาย เพื่อดําเนินการตามที่ กฎหมายกําหนด เช่น การรายงานข้อมูลที่กฎหมายกําหนด หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคําสั่งศาล เป็นต้น
- 4.3. คู่สัญญา พันธมิตรหรือองค์กรอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในการดําเนินการของสํานักงาน เช่น สถานศึกษา สถาน ฝึกอบรม องค์กรเอกชนซึ่งเป็นคู่สัญญา โรงแรม วัด มูลนิธิ เป็นต้น
- 5. สิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ของท่าน
พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่ในความ ควบคุมของท่านได้มากขึ้น โดยท่านสามารถใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เมื่อบทบัญญัติใน ส่วนที่เกี่ยวกับสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้- 5.1. สิทธิในการเข้าถึง รับสําเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ที่สํานักงานเก็บรวบรวมโดยไม่ได้รับความยินยอมจากท่านเว้นแต่กรณีที่สํานักงานมีสิทธิปฏิเสธคําขอของท่านตามกฎหมาย หรือคําสั่งศาลและกรณีที่การขอเข้าถึงและรับสําเนาของท่านจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
- 5.2. สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน เพื่อให้มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
- 5.3. สิทธิในการขอให้องค์กรระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีหนึ่งกรณีใดดังต่อไปนี้
- 5.3.1. เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่สํานักงานทําการตรวจสอบตามคําร้องขอของท่านให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ให้ถูกต้อง สมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน
- 5.3.2. ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยโดยมิชอบด้วยกฎหมายท่านในการเก็บรวบรวม
- 5.3.3. เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหมดความจําเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่สํานักงานได้แจ้งแก่ แต่ท่านประสงค์ให้สํานักงานเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปเพื่อประกอบการใช้สิทธิตามกฎหมายของท่าน
- 5.3.4. เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่สํานักงานกําลังพิสูจน์ให้ท่านเห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการเก็บรวบรวม ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือตรวจสอบความจําเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อ ประโยชน์สาธารณะ อันเนื่องมาจากการที่ท่านได้ใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
- 5.4. สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เว้นแต่กรณีที่สํานักงานมีเหตุใน การปฏิเสธคําขอของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย (เช่น สํานักงานสามารถแสดงให้เห็นว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูล ส่วนบุคคลของท่านมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายยิ่งกว่า หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้ สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะตามภารกิจของสํานักงาน)
- 6. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
สํานักงานเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาดังต่อไปนี้- 6.1. สําหรับผู้สมัครงานที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ปฏิบัติงาน เก็บรักษาไว้ 1 ปีนับแต่วันที่สํานักงานได้รับข้อมูลส่วน บุคคล หรือ
- 6.2. สําหรับผู้ปฏิบัติงาน เก็บรักษาไว้ตลอดระยะเวลาการจ้างงาน และเก็บรักษาไว้ต่อไปเป็นเวลา 10 ปีนับแต่วันที่ สัญญาจ้างสิ้นสุดลง
ทั้งนี้ เมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้ว สํานักงานจะทําการลบ ทําลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อหมดความจําเป็นใน การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้น อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่มีข้อพิพาทหรือคดีความเกี่ยวกับการสมัครงานหรือสัญญาจ้างงานของท่าน สํานักงานขอสงวนสิทธิในการเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปจนกว่าข้อพิพาทนั้นจะได้มีคําสั่งหรือคําพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
- 7. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล
สํานักงานมีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างเหมาะสม ทั้งในเชิงเทคนิคและ การบริหารจัดการ เพื่อป้องกันมิให้ข้อมูลสูญหาย หรือมีการเข้าถึง ทําลาย ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วน บุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายและแนวปฏิบัติด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ (Information Security Policy) ของสํานักงาน
นอกจากนี้ สํานักงานได้กําหนดให้มีนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) ขึ้นโดยประกาศให้ ทราบกันโดยทั่วทั้งองค์กร พร้อมแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วน บุคคล โดยธํารงไว้ซึ่งความเป็นความลับ (Confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (Integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (Availability) ของข้อมูลส่วนบุคคล โดยได้จัดให้มีการทบทวนนโยบายดังกล่าวรวมถึงประกาศนี้ในระยะเวลาตามที่เหมาะสม
- 8. การมีส่วนร่วมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
สํานักงานอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อได้รับคําร้องขอจากท่าน ผู้สืบสิทธิ์ ทายาท ผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ตามกฎหมายของท่าน โดยส่งคําร้องขอผ่าน
- คณะทํางานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
- สํานักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) อาคารไปรษณีย์กลาง เลขที่ 1160 ถนนเจริญกรุง แขวง บางรัก เขตบางรัก กรุงเทพฯ รหัสไปรษณีย์ 10501
ในกรณีที่ท่าน ผู้สืบสิทธิ์ ทายาท ผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ตามกฎหมายมีการคัดค้านการ จัดเก็บ ความถูกต้อง หรือการกระทําใด ๆ เช่น การแจ้งดําเนินการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล สํานักงานจะดําเนินการ บันทึกหลักฐานคําคัดค้านดังกล่าวไว้เป็นหลักฐานด้วย
ทั้งนี้ สํานักงานอาจปฏิเสธสิทธิตามวรรคสองได้ในกรณีที่มีกฎหมายกําหนด หรือในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกทําให้ไม่ปรากฏชื่อหรือสิ่งบอกลักษณะอันสามารถระบุตัวท่านได้
- 9. การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล
สํานักงานได้กําหนดให้ เจ้าหน้าที่และบุคคลเฉพาะผู้ที่มีอํานาจหน้าที่เกี่ยวข้องในการจัดเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของกิจกรรมการประมวลผลนี้เท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้โดยองค์กรจะดําเนินการให้เจ้าหน้าที่และบุคคลดังกล่าวปฏิบัติตามประกาศนี้อย่างเคร่งครัด
- 10. การเปลี่ยนแปลงแก้ไขประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว
สํานักงานอาจพิจารณาปรับปรุง แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงประกาศนี้ตามที่เห็นสมควร และจะทําการแจ้งให้ท่านทราบ ผ่านช่องทาง เว็บไซต์ของสํานักงาน (www.cea.or.th) โดยมีวันที่ของเวอร์ชั่นล่าสุด กํากับอยู่ตอนท้าย อย่างไรก็ดี สํานักงาน ขอแนะนําให้ท่านโปรดตรวจสอบเพื่อรับทราบประกาศฉบับใหม่อย่างสม่ําเสมอ โดยเฉพาะก่อนที่ท่านจะทําการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล การยื่นสมัครงานของท่าน ถือเป็นการรับทราบตามข้อตกลงในประกาศนี้ ทั้งนี้ โปรดระงับการยื่นสมัครงานหรือ ติดต่อฝ่ายทรัพยากรบุคคลท่านไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงในประกาศฉบับนี้ มิเช่นนั้นสํานักงานจะถือว่าท่านได้รับทราบการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงในประกาศดังกล่าวแล้ว
ท่านสามารถติดต่อสอบถามเกี่ยวกับประกาศฉบับนี้ได้ที่
- คณะทํางานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สํานักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) อาคารไปรษณีย์กลาง เลขที่ 1160 ถนนเจริญกรุง แขวงบางรัก
เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10501 - ช่องทางการติดต่อ:
โทรศัพท์ (66) 2 105 7400
โทรสาร (66) 2 105 7450
อีเมล info@cea.or.th
งานสารบรรณ saraban@cea.or.th