CEA ผนึกเครือข่ายเปิด 3 พื้นที่สร้างสรรค์ใน กทม. พลิกโฉมใหม่หัวลำโพง-วังเก่าสมมตอมรพันธ์-สวนเบญจกิติ
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA ร่วมกับภาคีเครือข่าย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กรุงเทพมหานคร สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB และ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ร่วมเปิดโปรแกรมต่อเนื่องภายใต้โครงการ “UNFOLDING BANGKOK” สัมผัสประสบการณ์และมุมมองใหม่ของกรุงเทพมหานคร ใน 2 โปรแกรมสุดท้าย ภายใต้ธีม ‘Living Old Building’ ณ สถานีรถไฟหัวลำโพง ระหว่างวันที่ 18 - 26 มีนาคม 2566 และวังกรมพระสมมตอมรพันธ์ ระหว่างวันที่ 25 มีนาคม - 2 เมษายน 2566 และ ‘Greeting Benjakitti’ ณ สวนป่าเบญจกิติ ช่วงระหว่างวันที่ 18 มีนาคม - 30 กันยายน 2566 คาดกระตุ้นเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท พร้อมต่อยอดการใช้ ‘ความคิดสร้างสรรค์’ และ ‘เทคโนโลยี’ ให้เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศสร้างสรรค์ ผลักดันพื้นที่สร้างสรรค์ทั่วประเทศต่อไป
ดร. อรรชกา สีบุญเรือง ประธานกรรมการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ กล่าวว่า โครงการ “UNFOLDING BANGKOK เปิดประสบการณ์ใหม่กรุงเทพมหานคร” นับเป็นความสำเร็จของการดำเนินโครงการฯ ในการพัฒนาแพลตฟอร์มพื้นที่สร้างสรรค์ สู่การท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ โดย CEA ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและชุมชน นำทุนวัฒนธรรม วิถีชีวิตดั้งเดิมมาสู่การออกแบบที่คงอัตลักษณ์ผสมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยสร้างสรรค์พื้นที่และย่านต่าง ๆ ในกรุงเทพมหานคร เพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน รวมไปถึงแหล่งท่องเที่ยวที่รัฐบาลให้ความสำคัญในการพัฒนาสู่ความยั่งยืน เน้นการกระจายรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่น ควบคู่ไปกับการสร้าง ‘ซอฟพาวเวอร์’ การท่องเที่ยวและวัฒนธรรมไทยให้เป็นที่แพร่หลายในวงกว้าง
“การท่องเที่ยวไทยในช่วงการแพร่ระบาดไวรัสโควิด - 19 ได้รับผลกระทบอย่างมาก และเริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งโดยคาดว่าปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาไม่น้อยกว่า 30 ล้านคน ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจปีนี้ให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แต่เหนือสิ่งอื่นใดการเติบโตเศรษฐกิจเหล่านี้ประชาชนฐานรากหรือชุมชนควรได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ ดังนั้นการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์จึงเป็นคำตอบในการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน โดยโครงการ “UNFOLDING BANGKOK ได้ริเริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565 ในปีที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งในส่วนของธีม ‘Hidden Temple’ ท่องวัดลับย่านฝั่งธน และอีกหนึ่งงานที่โดดเด่นภายใต้ธีม ‘Living Old Building’ คือ การเปิดพื้นที่อาคารประวัติศาสตร์อย่างเช่น การประปาแม้นศรี และหอประติมากรรมต้นแบบ กรมศิลปากร ซึ่งมีผู้เข้าชมมากกว่า 34,000 คน” ดร. อรรชกา กล่าว
CEA ได้ดำเนินโครงการ Unfolding Bangkok ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ตามนโยบายของรัฐบาลหลังจากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย โดยเปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับกรุงเทพมหานคร จากการคัดเลือกสถานที่และแหล่งท่องเที่ยวที่มีคุณค่า แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักมาสร้างสรรค์และนำเทคโนโลยีมาเป็นแนวทางในการสร้างระบบนิเวศเพื่อก่อให้เกิดบรรยากาศ สภาพแวดล้อม และภาพลักษณ์ใหม่ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทย ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565 และจะเสร็จสิ้นโครงการในเดือนกันยายน 2566
สำหรับกิจกรรมสุดท้ายของโครงการ Unfolding Bangkok คือกิจกรรม ‘Living Old Building’ ย้อนรอยอาคารประวัติศาสตร์ในกรุงเทพฯ โดยการนำพื้นที่อาคารที่มีคุณค่าทางศิลปะและประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นการใช้อาคารเก่ามาปรับปรุงและนำมาอนุรักษ์ ด้วยการสร้างความโดดเด่นเน้นเอกลักษณ์ในการออกแบบด้านสถาปัตยกรรมได้แก่
1. สถานีรถไฟหัวลำโพง โดยได้รับความร่วมมือจาก รฟท. ผ่านการออกแบบแสงสี นิทรรศการรถไฟจำลอง ร้านค้า กิจกรรมแสดงดนตรี กิจกรรมวาดรูป และ ลีลาศ เป็นต้น โดยการออกแบบแสงสี ภายใต้คอนเซ็ปต์ “THE WALL 2023 : UNFOLDING HUA LAM PHONG” ผลงานของกลุ่มนักออกแบบแสง Lighting Designers Thailand และ DecideKit แบ่งออกเป็น 3 โซนดังนี้
- 1st Scene : The Door เป็นโซนแรก ที่จัดแสดงบนกระจกโค้งด้านบนบริเวณประตูทางเข้าสถานีรถไฟหัวลำโพง ซึ่งเป็นจุดเด่นที่สำคัญและเป็นฉากแรกของการเดินทางเข้าสู่ภายใน
- 2nd Scene : The People การจัดแสดงที่อยู่ภายในโถงของสถานี จุดศูนย์รวมของผู้คนในการเดินทาง เปลี่ยนสถานที่พักคอยของผู้คนที่เรียบง่าย สู่การแสดงแสงไฟ การแสดงดนตรี และจุดซื้อขายอาหาร ทั้งข้าวผัดรถไฟ ข้าวเหนียวหมูเค็ม ซึ่งเป็นอาหารประจำของผู้ใช้บริการโดยสารรถไฟเป็นที่รู้จักกันทั่วไป การแสดงนิทรรศการรถไฟจำลอง ซึ่งการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ทำให้พื้นที่ย่านสถานีรถไฟหัวลำโพง กลับมาครึกครื้น มีชีวิตชีวาอีกครั้งจากบริบทใหม่ของสถานีรถไฟ ทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของกรุงเทพอีกแห่งหนึ่ง
- 3rd Scene : The Emotion การจัดแสดงการออกแบบแสงไฟภายในชานชาลา เรียกคืนความรู้สึกในการพบและจาก หรือการออกเดินทางครั้งใหม่ ต่างเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่หลากหลาย และการแสดงหัวรถจักรไอน้ำที่ถูกใช้งานในช่วงยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 มาแล้ว แต่ยังคงความสมบูรณ์ไว้ได้ ผ่านการจัดแสงสี นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปสัมผัสการทำงานของหัวรถจักรไอน้ำได้อย่างใกล้ชิด
2. อาคารวังกรมพระสมมตอมรพันธ์ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 มีนาคม - 2 เมษายน 2566 เป็นอาคารเก่าทางประวัติศาสตร์ที่ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในชุมชนวังกรมพระสมมตอมรพันธ์ ซึ่งยังคงความสมบูรณ์แบบของสถาปัตยกรรมและความงดงาม ในยุคสมัยที่นิยมสร้างอาคารโดยนำวัฒนธรรมตะวันตกมาใช้ในการออกแบบ โดย CEA ได้ร่วมมือกับ Urban Ally และคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้นำพื้นที่แห่งนี้มาเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ชมความงาม พร้อมบอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และชุมชนโดยรอบที่เคยเป็นแหล่งผลิตเครื่องสังฆภัณฑ์ใหญ่ของกรุงเทพฯ จนถึงปัจจุบัน
ขณะเดียวกันยังมีการจัดกิจกรรมต่อเนื่อง ‘Greeting Benjakitti’ งานศิลป์กลางสวนป่า โดยได้รับความร่วมมือกับ กรุงเทพมหานคร และกรมธนารักษ์ ทั้งการจัดแสดงผลงานจัดวาง (Art Installation) จำนวน 5 ชิ้นงาน ศิลปะการแสดง (Performing Art)
และกิจกรรมเวิร์กช็อปต่าง ๆ ระหว่างวันที่ 18 มีนาคม - 30 กันยายน 2566 มีผลงานจัดแสดงดังนี้
1. The Center of the Universe โดย อรรถพร คบคงสันติ ที่ได้แรงบันดาลใจจากกล้องคาไลโดสโคปด้วยดีไซน์ใหม่ เป็นการสร้างแสงสีและมิติที่หลากหลาย ช่วยส่งเสริมในการมองสวนเบญจกิติในมุมมองที่แปลกใหม่ ตามช่วงเวลาและทิศทางในการมองของแต่ละคน
2. Stingless Bee City โดย วิชญ์ พิมพ์กาญจนพงศ์ ออกแบบเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยใจกลางเมืองของผึ้งชันโรง สะท้อนความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งธรรมชาติ
3. Hornbill Villa โดย นีโน่ สุวรรณี สาระบุตร ผลงานจัดแสดงเครื่องปั้นดินเผาจำนวน 200 ชิ้น เพื่อเป็นรังเทียมให้แก่นกเงือก ศิลปินได้ร่วมกับชุมชนช่างปั้นครกดินเผา จังหวัดนครพนม ในการรังสรรค์ชิ้นงาน เพื่อสร้างความตระหนักรู้และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ
4. The Circle Biogenesis 2023 โดย สุริยะ อัมพันศิริรัตน์ การจัดแสดงผลงานโดยการนำต้นข้าวมาเรียงเป็นวงกลม แสดงสัญลักษณ์ของเวลาที่สัมพันธ์กับการโคจรของดวงอาทิตย์ที่เปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์เป็นอาหารหล่อเลี้ยงผ่านกระบวนการสังเคราะห์แสง
5. House of Silence โดย สนิทัศน์ ประดิษฐ์ทัศนีย์ ศิลปะการออกแบบพื้นที่ที่เหมือนกับบ้าน โดยเปิดให้ผู้เข้าชมได้มีเวลาอยู่กับตัวเองและสังเกตการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมรอบตัว ระหว่างการมีอยู่ของสรรพสิ่งกับความว่างเปล่าภายนอกและความรู้สึกภายในจิตใจ
นอกจากนี้ ยังมีการจัดศิลปะการแสดง (Performance Art) และเวิร์กช็อป โดย CEA ได้ร่วมกับสมาคมการค้าส่งเสริมอุตสาหกรรมศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย และเครือข่ายพันธมิตร ภายใต้แนวคิด “COHABITAT” สะท้อนการอยู่ร่วมกันอย่างเกื้อกูล สร้างสรรค์ และเป็นมิตร ระหว่างผู้คนกับธรรมชาติ ให้ผู้ร่วมงานมีส่วนร่วมกับการสำรวจพื้นที่สวนป่า สิ่งแวดล้อม เพลิดเพลินกับโปรแกรมดนตรี เต้นรำ โรงละคร บทกวี การแสดงตลก และเวิร์กช็อปศิลปะ
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า ปีนี้ รฟท. จะมีอายุครบ 126 ปี ในวันที่ 26 มี.ค. นี้ รฟท. ได้เดินผ่านช่วงเวลาต่าง ๆ ที่สำคัญของประเทศตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โดยมุ่งมั่นพัฒนาการให้บริการมาอย่างต่อเนื่อง การเข้าร่วมกิจกรรม ‘Living Old Building’ ครั้งนี้ยังถือเป็นส่วนหนึ่งในการจัดกิจกรรมเพื่อร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 126 ปีของ รฟท. อีกด้วย จึงรู้สึกยินดีและพร้อมที่จะสนับสนุนให้สถานีหัวลำโพงเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “UNFOLDING BANGKOK”
“ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่มีการใช้สถานีรถไฟหัวลำโพง ซึ่งเป็นอาคารเก่าแก่และมีอายุกว่า 126 ปี ที่มีคุณค่าทั้งทางด้านประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม อีกทั้งยังเป็นแลนด์มาร์กที่มีเสน่ห์แห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ เป็นอาคารย้อนรอยประวัติศาสตร์ในกิจกรรม ‘Living Old Building’ ของ CEA ในครั้งนี้เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับขีดความสามารถด้านการท่องเที่ยว วัฒนธรรมความเป็นอยู่ของผู้คนในสังคมต่าง ๆ และส่งเสริมให้เกิดการสร้างสรรค์ แนวคิด แนวทาง รวมถึงการพัฒนาเพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะย่านเศรษฐกิจสำคัญ ๆ ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล หรือแม้แต่ในจังหวัดต่าง ๆ เพื่อช่วยสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนได้อยู่ดีกินดีอย่างทั่วถึงและยั่งยืน” ผู้ว่า รฟท. กล่าว
ติดตามกิจกรรมต่อเนื่องของ “UNFOLDING BANGKOK” ในธีม ‘Greeting Benjakitt’ สวนป่าเบญจกิติ วันที่ 18 มีนาคม - 30 กันยายน 2566 และชมอาคารที่เปี่ยมไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ในธีม ‘Living Old Building’ สถานีรถไฟหัวลำโพง วันที่ 18 - 26 มีนาคม 2566 และ วังกรมพระสมมตอมรพันธ์ วันที่ 25 มีนาคม - 2 เมษายน 2566 ได้ที่ www.cea.or.th/th/single-project/Unfolding-Bangkok และ www.facebook.com/CreativeEconomyAgency
Posted in news on มี.ค. 18, 2023