ถอดรหัสความสำเร็จอุตสาหกรรมดนตรีและคอนเทนต์ของเกาหลีใต้
รัฐบาลเกาหลีใต้ส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่องมายาวนานกระทั่งประสบความสำเร็จ และสร้างฐานแฟนคลับ ความนิยมให้เกิดขึ้นทั่วโลก โดยเกาหลีใต้ส่งออกวัฒนธรรมผ่านอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ซีรีส์ ดนตรี และเกมออนไลน์ จนกลายเป็นแหล่งสร้างรายได้จากต่างประเทศ สำหรับอุตสาหกรรมดนตรีของเกาหลีใต้ก็ติดอันดับ Top 3 ของเอเชียมายาวนาน รายงาน Global Music Report 2024 ของ IFPI ซึ่งเป็นสมาพันธ์ผู้ผลิตสิ่งบันทึกเสียงระหว่างประเทศ เผยว่า 3 อันดับแรกของตลาดเพลงในเอเชีย ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้ นอกจากจะมีรายได้จากอุตสาหกรรมดนตรีเป็นอันดับ 3 ในภูมิภาคเอเชีย เกาหลีใต้ยังเป็นผู้ปลุกกระแสการใช้ศิลปินและดนตรีเป็นสื่อในการเผยแพร่วัฒนธรรมเกาหลี จนเกิดกระแส K-Wave หรือ Korean Wave ไปทั่วโลก ซึ่งนอกจากจะส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์แล้ว ยังกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้แก่ประเทศจำนวนมหาศาล
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA ในฐานะหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศไทย และมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและประสานความร่วมมือในการยกระดับความสามารถด้านความคิดสร้างสรรค์ของประเทศ ได้เชิญคณะกรรมการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และผู้แทนหน่วยงานเครือข่ายกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ได้แก่ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ พร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ CEA ไปศึกษาดูงานโครงสร้างพื้นฐานซอฟต์พาวเวอร์ ณ สาธารณรัฐเกาหลี ในวันที่ 23 - 27 กันยายน 2567
วัตถุประสงค์สำคัญของกิจกรรมนี้ คือเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างคณะกรรมการระดับนโยบายของสำนักงานและเครือข่ายกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ กับผู้แทนของหน่วยงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์เกาหลีใต้ และร่วมผลักดันการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ไทยในเวทีโลกอย่างเป็นรูปธรรม CEA จึงได้สรุปข้อมูลจากการไปศึกษาดูงานในครั้งนี้ เพื่อถอดรหัสความสำเร็จอุตสาหกรรมดนตรีและคอนเทนต์ของเกาหลีใต้ สำหรับให้ผู้ที่สนใจได้ศึกษาว่าเบื้องหลังความสำเร็จในการเป็น “มหาอำนาจทางซอฟต์พาวเวอร์” ของเกาหลีใต้ในปัจจุบันมีกลยุทธ์อย่างไร
สำรวจกลยุทธ์ YG Entertainment
BLACKPINK วงเกิร์ลกรุ๊ปที่ประสบความสำเร็จ และทำให้ค่าย YG Entertainment เป็นผู้นำ K-Pop ในอุตสาหกรรมเพลงระดับโลก [Photo Credit: YG Entertainment]
กุญแจความสำเร็จของอุตสาหกรรมดนตรีและคอนเทนต์เกาหลี จากการศึกษาข้อมูลและดูงาน พบว่ารัฐบาลเกาหลีใต้มีการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาทักษะตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ ในการเดินทางไปศึกษาดูงานครั้งนี้ จึงได้ดูงานทุกระบบ ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เริ่มต้นกิจกรรมการศึกษาดูงาน ทางคณะได้ไปเยือน บริษัท วายจี เอนเตอร์เทนเมนต์ (YG Entertainment) ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ของค่ายเพลง Big 4 ของเกาหลีใต้ โดยมีศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับโลกในสังกัด เช่น SE7EN, BIGBANG, 2NE1, AKMU, WINNER, iKON, BLACKPINK, TREASURE และ BABYMONSTER โดย YG Entertainment ดําเนินธุรกิจเป็นทั้งค่ายเพลงผู้ผลิตเพลง การจัดงานอีเวนต์หรือคอนเสิร์ต และตัวแทนนักแต่งเพลง นอกจากนี้ บริษัทยังมีธุรกิจในเครืออีกหลายบริษัท
สำหรับกลยุทธ์ของค่าย YG Entertainment เน้นการขยายตลาดต่างประเทศและการพัฒนาศิลปินมีการวางแผนระยะยาว โดยกําหนด positioning เป็น “K-POP Powerhouse in Global Music Industry” ผู้นำ K-Pop ในอุตสาหกรรมเพลงระดับโลก โดยมีสาขาในญี่ปุ่น จีน สหรัฐอเมริกา และมีผู้ร่วมทุนจากกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ รวมทั้งมีแผนนําศิลปินไปตลาดต่างประเทศ โดยการจัดเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ตของศิลปิน และการแสดงในงานเทศกาลดนตรีต่าง ๆ เช่น เทศกาลศิลปะและดนตรีระดับโลกอย่าง “โคเชลลา” (Coachella) ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในสหรัฐอเมริกา หรือเทศกาล SUMMER SONIC เทศกาลดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ฯลฯ
การแสดงของวง BABYMONSTER ศิลปินในสังกัด YG ที่เทศกาลดนตรี SUMMER SONIC 2024 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2567 [Photo Credit: YG Entertainment]
นอกจากนี้ YG Entertainment ยังได้ขยายการลงทุนในต่างประเทศ เช่น การลงทุนในประเทศไทยของบริษัท YG”MM (วายจีเอ็มเอ็ม) ซึ่งเกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง 2 บริษัท (Joint Venture) คือ บริษัท จีเอ็มเอ็ม มิวสิค จํากัด (มหาชน) จากประเทศไทย และ YG Entertainment จากเกาหลีใต้ โดยมีเป้าหมายคือเป็นบริษัทพัฒนาศิลปินระดับโลกแบบครบวงจร ตั้งแต่การคัดเลือก, การฝึกซ้อม, การสร้างสรรค์และโปรโมตผลงาน เพื่อผลักดันสู่การเป็นศิลปินมืออาชีพระดับโลก โดยความร่วมมือทางธุรกิจครั้งนี้ มีพันธกิจหลักร่วมกันด้านการลงทุนและผสมผสานทรัพยากร ทั้งทีมบุคลากร เทคโนโลยี ความเชี่ยวชาญ และระบบการดําเนินงานต่าง ๆ ที่เป็นองค์ประกอบหลักในการดําเนินงาน
สำหรับกลยุทธ์ของ YG”MM คือการเปิดออดิชันเพื่อเฟ้นหาเด็กรุ่นใหม่เข้ามาเป็นศิลปินฝึกหัด โดยเหล่าครูของทีม YG Entertainment เพื่อพัฒนาศิลปินไอดอลที่มีคุณภาพและมีความพร้อมในทุกมิติ โดยมีการเปิดออดิชันโปรเจ็กต์ในชื่อ YG”MM Boy Audition 2022 เป็นครั้งแรก นอกจากนี้ ยังมีระบบ Training การฝึกหัดและการพัฒนาให้เป็นศิลปินแบบรอบด้าน โดยเน้นเรื่องความสามารถในการเป็นศิลปิน เช่น การร้องเพลง การเต้น การแสดง ทั้งนี้ การฝึกหัดยังรวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านรูปร่าง การพัฒนาบุคลิกและลักษณะนิสัย การตอบคําถามสื่อ มนุษยสัมพันธ์ ฯลฯ โดยทีม Master Trainer ของ YG Entertainment
โปสเตอร์รับสมัครออดิชันในประเทศไทยของ YG”MM ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 ที่บริษัท YG”MM (ตึก GMM Grammy Place) กรุงเทพฯ
นอกจากนี้ ยังมีกลยุทธ์การตลาดในด้านการวางคอนเซ็ปต์ เพื่อทําให้ศิลปินเป็นที่ต้องการของตลาดและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ทั้งเรื่อง DNA ในภาพลักษณ์ของศิลปิน การวาง Concept เพลงและการแต่งเพลง การ Mastering การสร้างมิวสิกวิดีโอและชิ้นงานโปรโมตระดับโลก รวมทั้งกลยุทธ์การใช้สื่อทำการตลาด (Media Marketing) โดยจัดสรรสื่อในรูปแบบทั้ง On Ground, On Air และออนไลน์ รวมถึงการคิดและวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดด้วยคอนเทนต์ที่ใช่และตรงกับกลุ่มเป้าหมาย โดยใช้ Big Data ของบริษัทเพื่อให้ศิลปินเป็นที่รู้จัก ควบคู่กับการสร้างความนิยมให้กับเพลงใหม่ที่ถูกสร้างขึ้น ปิดท้ายด้วยการพัฒนาทักษะศิลปินอย่างต่อเนื่องด้วย Talent Management และกลยุทธ์ Music Marketing Distribution ทําการตลาดให้ศิลปินเพื่อสร้างรายได้ในทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ Physical, ดิจิทัล, การจำหน่ายสินค้าที่เกี่ยวข้อง, การจัดคอนเสิร์ต, แฟนมีต และเทศกาลดนตรี รวมถึงการบริหารศิลปิน ทั้งในรูปแบบพรีเซนเตอร์, งานจ้าง, การสนับสนุนของแบรนด์แบบ Sponsorship และการดูแลเรื่องลิขสิทธิ์สินค้าของศิลปิน
ทั้งนี้ ทางคณะผู้ดูงานได้มีประเด็นหารือที่สำคัญกับบริษัท YG Entertainment ได้แก่ การเติบโตที่เป็นไปได้ของอุตสาหกรรมเพลงป๊อปเอเชียในตลาดอาเซียน การสนับสนุนหรือแรงจูงใจที่จำเป็นเพื่อสนับสนุนให้ YG Entertainment ขยายความร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัท จีเอ็มเอ็ม มิวสิค จำกัด (มหาชน) ไปสู่ตลาดอาเซียนและเอเชียกลางอย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ความท้าทายที่อุตสาหกรรมเพลงป๊อปของไทยต้องได้รับการพัฒนาเพื่อร่วมมือกับ YG Entertainment และพื้นที่ที่ YG Entertainment มองเห็นศักยภาพในการลงทุนในประเทศไทย รวมทั้งปัจจัยที่รัฐบาลเกาหลีหรือไทยควรสนับสนุนเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ที่จะช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมเพลงป๊อปของเอเชียในระยะยาว
โปสเตอร์ทัวร์คอนเสิร์ต 2025 First US Tour ของวง TREASURE ศิลปินในสังกัด YG Entertainment ซึ่งนับเป็นทัวร์การแสดงในสหรัฐอเมริกาครั้งแรกของศิลปิน
เยือนสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโซล
ด้านการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ไทย ทางคณะได้ไปเยือนสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโซล เพื่อเข้าเยี่ยมคารวะ นายธานี แสงรัตน์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล และหารือแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายด้านซอฟต์พาวเวอร์และการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์
ทั้งนี้ CEA ได้ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล สนับสนุนศิลปินโครงการ Music Exchange และผู้ประกอบการไทยสู่ตลาดสากลผ่านกิจกรรม Creative House by CEA ซึ่งเป็นการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยในสาธารณรัฐเกาหลีให้เป็นรูปธรรมผ่านกิจกรรมในเทศกาลไทย ณ กรุงโซล ครั้งที่ 9 สวัสดีโซล ไทยเฟสติวัล 2024: ทีป๊อปสตอรี่ (Sawasdee Seoul Thai Festival 2024: T-Pop Story) ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 5 - 6 ตุลาคม ณ Cheonggye Plaza
การแสดงของศิลปินวง 4EVE ในงานเทศกาลไทย ณ กรุงโซล ครั้งที่ 9 “สวัสดีโซล ไทยเฟสติวัล 2024: ทีป๊อปสตอรี่” (Sawasdee Seoul Thai Festival 2024: T-Pop Story) ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 5 - 6 ตุลาคม 2567 ที่กรุงโซล เกาหลีใต้
นอกจากนี้ ในช่วงเดือนกันยายน - ตุลาคม 2567 มีโครงการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์และซอฟต์พาวเวอร์ ณ เกาหลีใต้ ที่ CEA ได้ดำเนินการกับหน่วยงานเครือข่ายภาครัฐ ได้แก่ งาน MU:CON 2024 วันที่ 24 - 26 กันยายน โดยความร่วมมือกับ Korea Creative Content Agency (KOCCA), งาน Gyeonggi Indie Music Festival 2024 โดยความร่วมมือกับ Gyeonggi Content Agency (GCA) ในการเข้าร่วมเทศกาลดนตรีที่จัดขึ้นในวันที่ 12 - 13 ตุลาคม 2567 ฯลฯ
สำหรับประเด็นหารือกับสถานเอกอัครราชทูตฯ ในครั้งนี้ ได้แก่ กลไกการขับเคลื่อนนโยบายด้านการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์หรือซอฟต์พาวเวอร์ของสาธารณรัฐเกาหลี รวมทั้งข้อแนะนำเกี่ยวกับนโยบาย มาตรการ ตลอดจนแนวทางในการส่งเสริมอุตสาหกรรมคอนเทนต์ เพื่อการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยในอนาคต
การแสดงของศิลปินวง Television Off ในงานเทศกาลดนตรี Gyeonggi Indie Music Festival 2024 ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 12 - 13 ตุลาคม 2567 ที่กรุงโซล เกาหลีใต้
SM Entertainment หนึ่งในค่ายเพลง Big 4 ของเกาหลีใต้
ศิลปินวง aespa วงเกิร์ลกรุ๊ป K-Pop ที่มีชื่อเสียงในสังกัดค่าย SM Entertainment [Photo Credit: SM Entertainment]
หากเอ่ยถึงค่ายเพลงที่มีชื่อเสียงและทรงอิทธิพลอันดับต้น ๆ ของเกาหลีใต้ ต้องมีชื่อของ SM Entertainment อยู่อย่างแน่นอน ซึ่งเป็น 1 ใน 3 บริษัทอุตสาหกรรมบันเทิงขนาดใหญ่ของเกาหลีใต้ ผู้บุกเบิกกระแส K-Pop และ Korean Wave สู่ระดับสากล ร่วมกับบริษัท JYP Entertainment และ YG Entertainment โดยค่าย SM Entertainment ได้ผลิตศิลปิน K-Pop ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเอเชียและต่างประเทศ เช่น BoA, TVXQ!, Super Junior, Girls' Generation, SHINee, f(x), EXO, Red Velvet, NCT และ aespa
ทางคณะผู้เดินทางไปศึกษาดูงานได้ไปเยี่ยมชมบริษัท SM Entertainment โดยมีฝ่ายสื่อสารองค์กรของบริษัทนําทัวร์เยี่ยมชมพื้นที่สํานักงานและพื้นที่สตูดิโอ เช่น สตูดิโอบันทึกเสียง, Concept Studio (Artist House) เพื่อสำรวจสิ่งอำนวยความสะดวก โครงสร้างพื้นฐานด้านดนตรี และการสนับสนุนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องของบริษัท SM Entertainment รวมทั้งได้เดินชมพื้นที่จัดกิจกรรม SM Song Camp พร้อมแลกเปลี่ยนข้อมูลกิจกรรม ซึ่งได้มีการเชิญชวน Music Producer จากทั่วโลกมาผลิตผลงานเพลงร่วมกัน
ปัจจุบันค่าย SM Entertainment ก่อตั้งมายาวนานถึง 3 ทศวรรษ และยังคงเป็นบริษัทเพลงระดับ Big 4 ของเกาหลีใต้ นอกจากจะเป็นค่ายเพลงที่คัดสรรและฝึกหัดศิลปิน รวมทั้งทำธุรกิจบริษัทผลิตและจัดจําหน่ายเพลงแล้ว บริษัท SM Entertainment ยังได้ขยายธุรกิจในต่างประเทศ เช่น การลงทุนในประเทศไทยของบริษัท SM True ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จํากัด และบริษัท เอสเอ็ม เอนเตอร์เทนเมนต์ จํากัด โดยมีธุรกิจหลักคือการเป็นตัวแทนบริหารจัดการศิลปิน ดําเนินธุรกิจจําหน่ายสินค้าลิขสิทธิ์ และธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับศิลปินในสังกัดค่าย SM Entertainment ทั้งหมดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
จากการไปเยี่ยมชมการดำเนินงานในครั้งนี้ ทางคณะได้มีประเด็นหารือที่เกี่ยวข้อง ในฐานะที่ SM Entertainment เป็นบริษัทเพลงชั้นนำของเกาหลี ว่ามีแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดหรือรูปแบบการจัดการความสามารถสำหรับการบ่มเพาะและสร้างศิลปินที่มีศักยภาพอย่างไร นอกจากนี้ ยังมีประเด็นความท้าทายที่อุตสาหกรรมเพลงป๊อปของไทยต้องได้รับการพัฒนา เพื่อให้อุตสาหกรรมดนตรีของไทยเติบโตยิ่งขึ้น
ศิลปินวง Hearts2Hearts วงเกิร์ลกรุ๊ปใหม่ในสังกัดค่าย SM Entertainment [Photo Credit: SM Entertainment]
สำหรับกลยุทธ์ในการผลิตศิลปิน ค่าย SM Entertainment ได้ชื่อว่าเป็นต้นแบบของอุตสาหกรรม K-Pop นอกจากจะมีฝ่ายคัดสรรและพัฒนาศิลปิน (A&R Studio) ซึ่งมีหน้าที่คัดเลือกและเสาะหาศิลปินฝึกหัด ทั้งจากการเปิดรับสมัครออดิชันและเสาะหาจากภายนอกแล้ว ยังมีมาตรฐานในการคัดเลือกศิลปินฝึกหัดในสังกัด โดยเริ่มต้นฝึกฝนตั้งแต่อายุน้อย ก่อนจะค่อย ๆ บ่มเพาะและพัฒนาทักษะทั้งด้านการร้องเพลง, การเต้น, การแสดง ฯลฯ จนกระทั่งมีความพร้อมและสมบูรณ์แบบที่สุด จึงจะมีโอกาสได้รับเลือกให้เดบิวต์เป็นศิลปินในสังกัด
ทั้งนี้ บริษัท SM Entertainment ได้เปิดตัวศิลปินกลุ่มใหม่ล่าสุด ได้แก่ Hearts2Hearts วงเกิร์ลกรุ๊ปน้องใหม่ ซึ่งนับเป็นวงไอดอล K-Pop หญิงในรอบ 5 ปีของค่าย SM Entertainment นับตั้งแต่วง aespa สิ่งที่น่าจับตามองคือนอกจากสมาชิกของวงจะมีอายุเฉลี่ยค่อนข้างน้อยแล้ว ยังมีความหลากหลายมากขึ้น โดยหนึ่งในสมาชิกของวง มีชาวต่างชาติที่เป็นชาวอินโดนีเซียรวมอยู่ด้วย ซึ่งนับว่าเป็นศิลปิน K-Pop ชาวอินโดนีเซียคนแรกของค่าย SM Entertainment จึงมีการวิเคราะห์ว่าทางบริษัท SM Entertainment น่าจะตั้งใจขยายตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียนเพิ่มขึ้น เนื่องจากอินโดนีเซียมีจำนวนประชากรกว่า 284 ล้านคน และเป็นตลาดที่มีแฟนเพลง K-Pop อยู่จำนวนมาก
ทำความรู้จัก KOCCA ผู้อยู่เบื้องหลังการส่งเสริมด้านดนตรีและคอนเทนต์สร้างสรรค์ของเกาหลีใต้
หากคุณเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ชอบเสพคอนเทนต์บันเทิงของเกาหลี ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ ภาพยนตร์ การ์ตูนเกาหลีอย่างมังฮวา หรือชอบฟังเพลง K-Pop และไปชมคอนเสิร์ตของศิลปินเกาหลี อาจจะเคยได้ยินชื่อหน่วยงานอย่าง KOCCA ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้จัดงานเทศกาลดนตรีที่มีชื่อเสียงในเกาหลีใต้ เช่น Music Entertainment Fair (MU:CON) เทศกาลดนตรีป๊อปที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี นอกจากนี้ ยังมีเทศกาลดนตรี TONE & MUSIC FESTIVAL เทศกาลเพลงอาร์แอนด์บีแห่งเดียวในเกาหลีใต้ และงานเทศกาลอื่น ๆ อีกมากมาย
สํานักงานส่งเสริมคอนเทนต์แห่งสาธารณรัฐเกาหลี (Korea Creative Content Agency: KOCCA) เป็นหน่วยงานภายใต้กระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวของเกาหลีใต้ (Ministry of Culture, Sport and Tourism: MCST) ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมคอนเทนต์ทางวัฒนธรรมของเกาหลีโดยเฉพาะ ทั้งคอนเทนต์ประเภทภาพยนตร์ ซีรีส์ เกม แอนิเมชัน การ์ตูน แฟชั่น และดนตรี โดย KOCCA นับเป็นหัวหอกสำคัญในการผลักดันการส่งออกเนื้อหาคอนเทนต์สร้างสรรค์ของเกาหลีใต้ไปยังต่างประเทศ จนอุตสาหกรรมดนตรีของเกาหลีอย่าง K-Pop ประสบความสำเร็จในปัจจุบัน
KOCCA Music Studio ก่อตั้งสตูดิโอผลิตเพลงครบวงจรแบบ One Stop Service
ในฐานะองค์กรที่เป็นต้นแบบหน่วยงานสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมวัฒนธรรมและคอนเทนต์ CEA และคณะผู้เดินทางไปศึกษาดูงานฯ ที่ KOCCA Music Studio เป็นแห่งแรก ในวันที่ 25 กันยายน 2567 โดยมีคุณ David Park Managing Director, KOCCA Thailand และเจ้าหน้าที่ประจํา KOCCA Music Studio นําคณะเยี่ยมชมสถานที่
ทั้งนี้ KOCCA Music Studio เป็นโครงการริเริ่มส่วนหนึ่งของสํานักงานส่งเสริมคอนเทนต์แห่งสาธารณรัฐเกาหลี โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการพัฒนาดนตรี ส่งเสริมการเติบโตและการพัฒนาของอุตสาหกรรมเพลงเกาหลีให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก สำหรับกลุ่มเป้าหมายของโครงการ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจดนตรี SMEs ขนาดเล็กและขนาดกลาง ศิลปินเพลงเกาหลีและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมดนตรี รวมถึงเอเจนซีศิลปิน K-Pop เรียกว่าครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจดนตรีภายในประเทศ
ทางด้านรูปแบบการให้บริการ KOCCA Music Studio เป็นสตูดิโอรองรับการแสดงดนตรีออนไลน์ เพื่อให้เหมาะกับการเปลี่ยนแปลงไปสู่รูปแบบดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น โดยให้บริการทั้งสถานที่ อุปกรณ์ที่ใช้ในการถ่ายทํา และการถ่ายทอดสดในรูปแบบ Live Stream เพื่อเผยแพร่ผลงาน พร้อมทั้งให้การสนับสนุนกิจกรรมดนตรีของกลุ่มเป้าหมาย และโครงการที่มาขอรับความช่วยเหลืออีกด้วย
จุดเด่นของ KOCCA Music Studio คือการมีโปรแกรมที่หลากหลายและบริการที่ตอบโจทย์ธุรกิจดนตรี ได้แก่ สตูดิโอบันทึกเสียง (Recording Studio) ที่ลํ้าสมัยพร้อมอุปกรณ์ระดับมืออาชีพและวิศวกรเสียง, การผลิตเพลง (Music Production) ที่ครบวงจร โดยให้บริการผลิตเพลง การแต่งเพลง การเรียบเรียง และการมิกซ์เสียง รวมทั้งการให้คําปรึกษาด้านธุรกิจเพลง โดยทางสตูดิโอยังให้คําแนะนําเรื่องการสนับสนุนศิลปินและบริษัทเพลงเกาหลีเกี่ยวกับกลยุทธ์ธุรกิจเพลง การตลาด และการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ สำหรับศิลปินและค่ายเพลงที่สนใจ
นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีโปรแกรมการพัฒนาผู้มีความสามารถ เช่น มีการจัดเวิร์กช็อป การสัมมนา และโปรแกรมการฝึกอบรมสําหรับศิลปินเพลงเกาหลี ผู้เชี่ยวชาญและบุคลากรในอุตสาหกรรมดนตรี รวมทั้งอํานวยความสะดวกในการสร้างเครือข่ายระหว่างศิลปินเพลงเกาหลีกับผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมดนตรีจากทั่วโลกอีกด้วย จึงอาจเรียกได้ว่า KOCCA Music Studio คือสตูดิโอแบบ One Stop Service สำหรับศิลปิน โปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลงอิสระ รวมทั้งค่ายเพลงเล็ก ๆ ที่สามารถมาใช้บริการและขอคำปรึกษาแนะนำจากภาครัฐได้โดยตรง
นอกจากการเยี่ยมชม KOCCA Music Studio ซึ่งเป็นสตูดิโอที่เชี่ยวชาญด้านการแสดงออนไลน์ เพื่อศึกษาและนํามาพิจารณาเป็นต้นแบบการพัฒนาการสร้างสรรค์คอนเทนต์ด้านดนตรีของไทยแล้ว คณะผู้เดินทางไปศึกษาดูงานฯ ยังพบประเด็นสำคัญที่น่าสนใจ คือแนวทางการส่งเสริมด้านโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอํานวยความสะดวกสําหรับการแสดงดนตรี รวมทั้งการจัดการต้นทุนการผลิตคอนเทนต์ดนตรี เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงไปสู่ดิจิทัล และส่งเสริมเนื้อหาหลักสําหรับการเผยแพร่กระแสเกาหลี ซึ่งทาง KOCCA Music Studio ได้แชร์ประสบการณ์และให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ เช่น ขั้นตอนการผลิตในสตูดิโอ ตลอดจนการขยายงานในต่างประเทศ กิจกรรมส่งเสริมการขาย ฯลฯ
KOCCA Music โปรโมตและส่งออกศิลปิน K-Pop หน้าใหม่ผ่านเทศกาลดนตรี
ในวันเดียวกันนั้น ทางคณะได้ประชุมหารือร่วมกับเจ้าหน้าที่ KOCCA Music ซึ่งเป็นกลุ่มงานสาขาดนตรี ภายใต้สํานักงานส่งเสริมคอนเทนต์แห่งสาธารณรัฐเกาหลี (KOCCA) โดยมีตัวแทนฝ่ายเกาหลี KOCCA Music เข้าร่วมหารือ ณ โรงแรม Grand Hyatt Seoul
สำหรับประเด็นสำคัญในการหารือครั้งนี้ ได้แก่ โอกาสในการร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศในการสนับสนุนอุตสาหกรรมดนตรี รวมทั้งปรึกษาแนวทางการจัดงานแสดงดนตรีโชว์เคส และงานประชุม Conference ที่ได้รับการสนับสนุนโดยภาครัฐเหมือนเช่นงาน MU:CON 2024 รวมทั้งการสนับสนุนการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านกิจกรรมดนตรีและเครื่องมือในการพัฒนาสำหรับห้องทดลองดนตรี (Music & Film Lab) ของโครงการจัดตั้งศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบแห่งใหม่ (New TCDC) ใน 10 จังหวัด โดยเฉพาะในจังหวัดศรีสะเกษ
การแสดงของศิลปินเกาหลีหน้าใหม่ (MUSE ON) ในโครงการ Korea Spotlight ที่โปรโมตในช่องทาง YouTube ของ KOCCA Music
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเกี่ยวกับโครงการที่มีศักยภาพและการสนับสนุนจากภาครัฐ ที่จะสนับสนุนการขยายความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างค่ายเพลงเกาหลีกับค่ายเพลงไทย เนื่องจากทาง KOCCA Music มีบทบาทและภารกิจในการศึกษาวิเคราะห์การตลาด ส่งเสริมกระบวนการโปรโมต และสร้างการรับรู้ให้เพลงและศิลปินนักดนตรีเกาหลีเป็นที่รู้จักในวงกว้าง โดยภารกิจสําคัญ ได้แก่ การขับเคลื่อนแผน Korea Spotlight โดยมีการดําเนินงานเกี่ยวกับการค้นหาศิลปินนักดนตรีหน้าใหม่ (MUSE ON) อีกทั้งให้คําแนะนําด้านการผลิตอัลบั้ม เนื้อหาเพลง การสนับสนุนศิลปินสู่ตลาดสากล รวมทั้งการจัดงานคอนเสิร์ตประเภท Showcase อาทิ MU:CON ซึ่งสนับสนุนโดยรัฐบาล และจัดกิจกรรม Business Matching and Networking ภายในงานเพื่อส่งเสริมการส่งออก
ในปี 2567 แผนการจัดโชว์เคสแสดงผลงานดนตรีในต่างประเทศ (Korea Spotlight) ของ KOCCA Music มีเป้าหมายการจัดงานหลัก 2 เรื่อง คือ 1) ขยายโอกาสในการส่งออกอุตสาหกรรมไปยังต่างประเทศ โดยอาศัยพื้นฐานของโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมที่มีในประเทศนั้น ๆ รวมถึงการผลักดันศิลปินเกาหลีไปยังต่างประเทศ 2) สร้างเครือข่ายอุตสาหกรรมดนตรีทั้งในประเทศและต่างประเทศ และส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างบุคลากร ตลอดจนส่งเสริมการเผยแพร่ K-Pop ในต่างประเทศ โดยมีกลุ่มประเทศเป้าหมาย ได้แก่ เยอรมนี ญี่ปุ่น เม็กซิโก ไทย ออสเตรเลีย และอังกฤษ
โครงการ Korea Spotlight ของ KOCCA ที่โปรโมตศิลปินเกาหลี เช่น cotoba และ W24 วงร็อกไอดอลไปแสดงโชว์เคสที่จัดขึ้นในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 ณ หอประชุม BB ในนครเม็กซิโก เม็กซิโก
สำหรับความร่วมมือระหว่าง CEA กับ KOCCA ที่ผ่านมาทาง CEA ได้ดําเนินการการสนับสนุนกิจกรรมการส่งเสริมนักดนตรีของไทยให้เข้าร่วมเวทีเทศกาลดนตรีระดับนานาชาติ (PUSH) โดยให้การสนับสนุนวงดนตรีของไทย ได้แก่ ศิลปินวง Rocketman เข้าสู่ตลาดเกาหลี และยกระดับทักษะการแสดงดนตรีระดับนานาชาติ โดยเข้าร่วมแสดงในงาน 2024 Music & Entertainment Fair (MU:CON 2024) ของ KOCCA ในระหว่างวันที่ 24 – 27 กันยายน 2567 ภายใต้โครงการส่งเสริมศิลปินและธุรกิจเทศกาลดนตรีของไทยสู่ตลาดสากล (Music Exchange)
นอกจากนี้ ยังมีการจับคู่ธุรกิจผู้จัดเทศกาลดนตรีระดับนานาชาติกับเทศกาลดนตรีไทย (PULL) โดยเชิญผู้จัดเทศกาลดนตรีจากสาธารณรัฐเกาหลีเดินทางเข้าร่วมการเจรจาธุรกิจ การจับคู่ธุรกิจ การสัมมนาและการเยี่ยมชมเทศกาลดนตรีของไทย ทั้งนี้ CEA ยังหารือให้มีกิจกรรมความร่วมมือในการสนับสนุนและอำนวยความสะดวก การแลกเปลี่ยนศิลปินระหว่างไทยกับเกาหลีใต้ให้แสดงในเทศกาลดนตรีเป้าหมายของทั้งสองประเทศในอนาคต
ศิลปินไทยวง Rocketman ร่วมแสดงในงาน MU:CON 2024 ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 24 - 27 กันยายน 2567 ที่เกาหลีใต้
MU:CON วางเป้าหมายเป็น Global Business Platform เพื่อกระตุ้นธุรกิจดนตรีของเกาหลีใต้
จากนั้นคณะผู้ศึกษาดูงานฯ ได้เดินทางไปร่วมงาน MU:CON 2024 ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรม Grand Hyatt Seoul โดยมีคุณ David Park, Managing Director, KOCCA Thailand และเจ้าหน้าที่ KOCCA นําคณะเยี่ยมชมสถานที่ ณ บูธผู้ประกอบการและบูธแสดงผลงานภายในงาน
นอกจาก MU:CON จะเป็นเทศกาลดนตรีที่มีชื่อเสียง โดยจัดขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 แล้ว เทศกาลนี้ยังนับเป็นงานรวมตัวประจำปีของผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีและอันดับต้น ๆ ในเอเชียอีกด้วย โดยมีผู้จัดงาน ได้แก่ กระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวเกาหลีเป็นเจ้าภาพ และ KOCCA เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ ภายในงานมีทั้งกิจกรรม Open Session การแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างบุคลากรในอุตสาหกรรมดนตรี โดยมีหัวข้อที่น่าสนใจในแวดวงดนตรีระดับโลก เช่น Building Live Opportunities with Your Content รวมทั้งกิจกรรมเวิร์กช็อป เช่น การจัดทําข้อมูลที่สร้างโอกาสด้านดนตรี เป็นต้น
ทั้งนี้ งาน MU:CON 2024 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 - 27 กันยายน 2567 เป็นระยะเวลาถึง 4 วันเต็ม ภายในงานมีการแสดงโชว์เคสจากศิลปินและนักดนตรี 50 ราย แบ่งออกเป็นการแสดงผลงานดนตรีของศิลปินเกาหลี 40 ราย, ศิลปินรับเชิญและศิลปินจากต่างประเทศ 10 ราย โดยคาดการณ์ว่ามีผู้เข้าชมงานปีนี้ถึง 5,700 คน นอกจากนี้ ยังมีหน่วยงานจากอุตสาหกรรมดนตรีในเกาหลีและต่างประเทศ จํานวนถึง 339 บริษัทเข้าร่วม ซึ่งก็ตรงกับวัตถุประสงค์ของงาน นั่นคือการเป็น Global Business Platform เพื่อกระตุ้นธุรกิจดนตรีของเกาหลีใต้ สร้างเครือข่ายและโอกาสทางธุรกิจดนตรีเกาหลีในระดับสากล และผลักดันดนตรี K-Pop ไปยังตลาดต่างประเทศ โดยการจัดกิจกรรมสําหรับบุคลากร ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมดนตรี และยังเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมฟรี
นอกจากกิจกรรม Global Music Showcase การแสดงผลงานดนตรีของศิลปินเกาหลีและศิลปินจากต่างประเทศแล้ว ภายในงานยังมีกิจกรรม Business & Networking B2B ซึ่งเป็นโปรแกรมสําหรับศิลปินนักดนตรีและผู้ประกอบการที่ต้องการส่งออกผลงานโดยเฉพาะ โดยมีไฮไลต์คือกิจกรรม Business Matching and Networking, 1:1 Speed Meeting กิจกรรมเจรจาธุรกิจและสร้างเครือข่ายแบบ 1 ต่อ 1 ที่ใช้ระยะเวลาสั้น ๆ ในการพูดคุย รวมทั้งยังมีบูธจัดแสดงผลงานและบูธแนะนําศิลปิน เช่น บริษัท ICT-Music Tech, KOCCA รวมถึงหน่วยงานที่เข้าร่วมและค่ายเพลงต่าง ๆ อีกด้วย
การมาร่วมงานในครั้งนี้ นอกจากคณะจะได้เยี่ยมชมและศึกษาแนวทางการจัดกิจกรรมภายในงาน เพื่อนำมาพิจารณาส่งเสริมและปรับใช้เป็นต้นแบบการจัดงานด้านดนตรีในประเทศไทยแล้ว ยังช่วยสร้างเครือข่ายเพื่อเชื่อมต่อระหว่างผู้ประกอบการดนตรีของไทยกับตัวแทนอุตสาหกรรมดนตรีในต่างประเทศอีกทางหนึ่งด้วย
KOCCA Content Talent Campus & Content Culture Square สร้างแหล่งเรียนรู้และบ่มเพาะเพื่อพัฒนาคอนเทนต์เกาหลีโดยเฉพาะ
หลังจากเข้าร่วมงานเทศกาลดนตรี ทางคณะได้เดินทางไปเยือน KOCCA Content Talent Campus & Content Culture Square ในกรุงโซล เพื่อสานต่อความร่วมมือในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ระหว่างไทยกับเกาหลีใต้ โดยเฉพาะกลุ่มคอนเทนต์ผ่านโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานซอฟต์พาวเวอร์ไทย ดันไกลสู่สากล
นอกจากจะเป็นศูนย์ทดลองที่มีการเชื่อมโยงเนื้อหาทางวัฒนธรรม ศิลปะและเทคโนโลยี KOCCA Content Talent Campus & Content Culture Square ยังเป็นสถาบันฝึกอบรมสําหรับบ่มเพาะผู้มีความสามารถเชิงสร้างสรรค์ โดยมีการพัฒนาหลักสูตรการศึกษาทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ อาทิ การสร้างมูลค่าทางธุรกิจโดยเชื่อมโยงกับศิลปะและวัฒนธรรม จากแหล่งข้อมูลในท้องถิ่นในย่านฮงนึง (Hongneung) จึงนับว่าที่นี่คือแหล่งเรียนรู้และบ่มเพาะคอนเทนต์เกาหลีที่สำคัญแห่งหนึ่งของกรุงโซล
คุณ David Park, Managing Director, KOCCA Thailand และเจ้าหน้าที่ KOCCA ได้นําคณะเยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้ยกระดับบุคลากรในอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ผ่านออนไลน์และออนไซต์ ซึ่งไฮไลต์ภายในศูนย์การเรียนรู้ที่น่าสนใจ เช่น Project Space เป้าหมายของสถานที่แห่งนี้ คือเพื่อเป็นพื้นที่ส่งเสริมศักยภาพบุคลากรของอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยมีทั้งการฝึกฝนอบรมในระดับโรงเรียนเฉพาะทางด้านคอนเทนต์ และกิจกรรม เช่น การฝึกงานผ่านสถาบันต่าง ๆ การระดมคนเข้าสู่โปรเจ็กต์ การนําความรู้ด้านคอนเทนต์จากต่างประเทศถ่ายทอดให้บุคลากรในเกาหลี รวมทั้งการอบรมออนไลน์ที่ผสานความคิดสร้างสรรค์เข้ากับการสร้างสรรค์ผลงานในเชิงพาณิชย์
สำหรับ Content Culture Plaza มีพื้นที่ทั้งหมด 2,700 ตารางเมตร มี 2 ชั้นเหนือพื้นดินและ 2 ชั้นใต้ดิน และเป็นพื้นที่ฝึกภาคปฏิบัติ โดยมีแนวคิดที่ส่งเสริมเนื้อหาเชิงบูรณาการด้านนวัตกรรม ผลิตผลทางวัฒนธรรมและศิลปะ พร้อมด้วยเทคโนโลยีลํ้าสมัย อุปกรณ์ขั้นสูงสําหรับมืออาชีพ เช่น สตูดิโอด้านการผลิตและการประชาสัมพันธ์ เวทีการแสดงที่มีระบบแสง สี เสียงครบครัน เหมาะสำหรับใช้เป็นพื้นที่รองรับในการเผยแพร่หรือจัดแสดงผลงาน ฯลฯ
สำหรับการไปเยี่ยมชมในครั้งนี้ นอกจากจะได้ศึกษาดูงานด้านโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอํานวยความสะดวกด้านการศึกษาและการพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ทางคณะยังได้ทราบถึงแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practices) เพื่อสนับสนุนส่งเสริมบุคลากรตั้งแต่ต้นนํ้าในอุตสาหกรรมคอนเทนต์ ไปสู่การพัฒนาในระดับมืออาชีพที่ได้มาตรฐานสากล ภายใต้แผนโครงการ EDUKOCCA ซึ่งเป็นการสร้างแพลตฟอร์มทางการศึกษาและอบรมเฉพาะตัว เพื่อบ่มเพาะผู้มีความสามารถระดับสูงสู่การเป็นผู้นําในอุตสาหกรรมคอนเทนต์ต่อไปในอนาคต
STARTUP: CON 2024 งานประชุมเฉพาะทางด้าน Content Startup แห่งเดียวในเกาหลีใต้
นอกจากการศึกษาดูงานด้านดนตรีและคอนเทนต์ คณะยังได้ไปร่วมงาน STARTUP: CON 2024 ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 26 - 27 กันยายน 2567 ที่กรุงโซล เกาหลีใต้ เพื่อศึกษารูปแบบการจัดงานและหารือกับผู้แทนด้าน Content Business Hub Division และ Startup Acceleration Team ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ โดยมีเป้าหมายด้านการส่งเสริมผู้ประกอบการ Startup และการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อธุรกิจ (Business Ecosystem) โดยมุ่งเน้นต่อยอดจากการบ่มเพาะกลุ่มนักสร้างสรรค์ให้มีพื้นที่นำเสนอผลงาน ซึ่งจะนำไปสู่การขายโปรเจ็กต์ผลงานในเชิงพาณิชย์
ทั้งนี้ งาน STARTUP: CON จัดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2015 ถือเป็นการประชุมเฉพาะทางด้าน Content Startup แห่งเดียวในเกาหลีใต้ โดยมีการจัดงานที่เน้นการสร้างเครือข่าย พร้อมข้อมูลเชิงลึกสำหรับกลุ่ม Startup บนพื้นฐานของความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม กิจกรรมภายในงานมีทั้งการนำเสนอผลงานต่อนักลงทุน (Pitching) และการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ (Business Networking) โดยประมาณการว่าในปี 2024 มีผู้เข้าร่วมงานนี้ถึงกว่า 125,000 คน ทางคณะจึงได้มอบหมายให้สำนักพัฒนาธุรกิจและนวัตกรรมศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดงาน STARTUP CON ในประเทศไทยต่อไป
KBS สถานีวิทยุโทรทัศน์สาธารณะที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเกาหลีใต้
ปิดท้ายด้วยการศึกษาดูงานที่สถานีวิทยุโทรทัศน์สาธารณะ KBS (Korean Broadcasting System) ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์สาธารณะที่มีบทบาทสําคัญในการส่งเสริมและพัฒนาสื่อโทรทัศน์ในประเทศ โดยก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1927 นับว่าเป็นสื่อเก่าแก่และมีอิทธิพลมากที่สุดในเกาหลีใต้ คุณ David Park, Managing Director, KOCCA Thailand และเจ้าหน้าที่ KBS ได้นําคณะเยี่ยมชมสถานที่ สิ่งอํานวยความสะดวก และอุปกรณ์สนับสนุนระบบแพร่สัญญาณของเครือข่ายวิทยุโทรทัศน์ KBS ในวันที่ 27 กันยายน 2567
ทั้งนี้ KBS เป็นสถานีที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลซึ่งมีการดําเนินงานที่เป็นอิสระ ทําให้สามารถรายงานข่าวสารอย่างเป็นกลางและมีความรับผิดชอบต่อสังคม นอกจากนี้ KBS ยังเป็นแหล่งผลิตคอนเทนต์ซีรีส์ที่ได้รับความนิยมทั้งในและนอกประเทศ นอกจากสํานักงานใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ที่ยออิโดในกรุงโซล ยังมีสถานีภูมิภาค 18 แห่งในเมืองใหญ่ทั่วประเทศ และมีสำนักงานในต่างประเทศอีก 11 แห่งทั่วโลก รวมทั้งสหรัฐอเมริกา ยุโรป จีน และญี่ปุ่น
ไฮไลต์ในการเยี่ยมชมสถานีออกอากาศ KBS ในครั้งนี้ คือ KBS ON ซึ่งเป็นห้องจัดแสดงนิทรรศการการออกอากาศแห่งแรกของเกาหลี โดยห้องจัดแสดงนี้เปิดโอกาสให้ผู้เยี่ยมชมได้เรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการออกอากาศ นอกจากนี้ ผู้เข้าชมยังสามารถเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็ก สตูดิโอวิทยุ มุมให้ความรู้แก่ผู้ประกาศข่าวและกีฬา และพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ภายในสถานี KBS ได้อีกด้วย
นอกจากเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์ ทั้งข่าวสาร คอนเทนต์ที่ให้ความรู้อย่างสารคดี และคอนเทนต์บันเทิงอย่างซีรีส์แล้ว สถานี KBS ยังเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์ในรูปแบบต่าง ๆ อีกหลากหลายประเภท ทั้งรายการวาไรตี้ เกมโชว์ รายการเพลง โดยมีรายการที่ได้รับความนิยม เช่น Music Bank รายการเพลงซึ่งออกอากาศรายสัปดาห์ เพื่อโปรโมตและมอบถ้วยรางวัลให้กับศิลปิน K-Pop ที่มีผลงานติดอันดับชาร์ตเพลงดิจิทัลและยอดขายอัลบั้มในเกาหลี รวมทั้งจากคะแนนโหวตของศิลปินที่ได้รับความนิยมในช่วงนั้น รวมทั้งยังมีรายการแข่งขันร้องเพลงอย่าง Immortal Songs ที่นำบทเพลงอมตะของเกาหลีมาขับร้องในเวอร์ชันใหม่ โดยได้รับความนิยมจากผู้ชมเกาหลีและผู้ชมชาวต่างชาติที่ติดตามชมรายการผ่านทาง KBS WORLD TV ซึ่งเป็นช่องโทรทัศน์เคเบิลของ KBS ที่เปิดตัวในปี 2003 เพื่อให้บริการแก่ผู้ชมต่างประเทศ โดยเน้นการเชื่อมต่อกับชุมชนชาวเกาหลีที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศและส่งเสริมวัฒนธรรมเกาหลีทั่วโลก นอกจากนี้ ยังมีแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่างช่อง KBS Kpop ใน YouTube อีกด้วย
หลังจากศึกษาดูงานกระบวนการออกอากาศ สิ่งอํานวยความสะดวก และอุปกรณ์สนับสนุน เพื่อการนําเสนอข้อมูลข่าวสาร การจัดทําโพล และเป็นช่องทางให้ผู้ชมเข้าถึงข้อมูลสถานการณ์ของประเทศเกาหลีของสถานี KBS คณะยังได้เรียนรู้บทบาทของภาครัฐในการสนับสนุนสื่อสาธารณะและโครงสร้างพื้นฐานในการผลิตคอนเทนต์ และพัฒนาสื่อโทรทัศน์ในประเทศ รวมถึงการนําเทคโนโลยี AI มาใช้ตลอดกระบวนการผลิตรายการ ตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมการผลิตรายการ การถ่ายทําในสตูดิโอ การผลิตรายการ การตัดต่อ กระบวนการหลังการผลิต การแพร่สัญญาณภาพและเสียง การออกอากาศ รวมถึงด้านการตลาดและการโฆษณาอีกด้วย
นับได้ว่าการศึกษาดูงานในครั้งนี้ คณะได้เรียนรู้ข้อมูลและกลยุทธ์ที่น่าสนใจมากมาย ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้ในการพัฒนาส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทย เพื่อให้ได้มาตรฐานสากลเทียบเท่ากับประเทศผู้นำด้านอุตสาหกรรมคอนเทนต์อย่างเกาหลีใต้ นอกจากจะได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และสร้างเครือข่ายความร่วมมือระดับประเทศแล้ว ยังช่วยส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมดนตรีและคอนเทนต์ของไทยในตลาดโลกต่อไปในอนาคต