Research & Report

อนาคตแรงงานในอุตฯ แฟชั่น กับระบบจ้างงานที่ซับซ้อน

อุตสาหกรรมแฟชั่นกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อันเนื่องมาจากการพัฒนาทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในกระบวนการต่าง ๆ ส่งผลให้วิถีการทำงานและโครงสร้างของแรงงานในอุตสาหกรรมนี้เปลี่ยนไปอย่างมาก นอกจากนี้ การตอบสนองต่อเป้าหมายด้านความยั่งยืน และการเกิดขึ้นของ Creator Economy ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางใหม่ของอุตสาหกรรมแฟชั่น

แนวโน้มที่ 1 การนำ AI เข้ามาใช้ในอุตสาหกรรมแฟชั่น ไม่ว่าจะนำมาใช้เพื่อการออกแบบผลิตภัณฑ์ การจัดการคลังสินค้า หรือแม้กระทั่งการตลาด AI ไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ยังมีส่วนช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันในตลาด รายงานของ WGSN Insight พบว่า 73% ของผู้นำในอุตสาหกรรมแฟชั่นระบุว่าการนำ AI มาใช้เป็นสิ่งสำคัญในธุรกิจของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีเพียง 4% เท่านั้นที่ใช้ AI เป็นประจำและต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม AI ยังคงถูกมองว่าเป็นตัวร้าย เพราะอาจส่งผลกระทบต่อการจ้างงานทั่วโลกได้ถึง 300 ล้านตำแหน่ง โดยเฉพาะตำแหน่งของผู้หญิง ซึ่งคาดว่าจะได้รับผลกระทบมากกว่าผู้ชาย

การนำ AI มาใช้ในอุตสาหกรรมแฟชั่นยังเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้กับแบรนด์ ด้วยการผสมผสานความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์เข้ากับความสามารถของ AI ซึ่งช่วยเสริมสร้างนวัตกรรมในอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น 

  • Collina Strada: แบรนด์แฟชั่นจากนิวยอร์กใช้ AI ในกระบวนการสร้างสรรค์คอลเล็กชัน Spring-Summer 2024 ทีมงานได้ป้อนดีไซน์จากซีซันก่อน ๆ เข้าไป จากนั้น AI ก็ได้สร้างดีไซน์ใหม่ที่มีลักษณะคล้ายกัน เพื่อสร้างเสื้อผ้าสำหรับคอลเล็กชันล่าสุด

 

Source: http://www.collinastrada.com

  • Revolve: อีคอมเมิร์ซในสหรัฐฯ ร่วมมือกับ AI สตูดิโอ Maison Meta เพื่อเปิดตัวบิลบอร์ดที่สร้างโดย AI เป็นครั้งแรกในปี 2023 นอกจากนี้ยังได้จัดการแข่งขันออกแบบด้วย AI และนำไอเดียที่ชนะสามอันดับแรก มาผลิตเป็นสินค้าและจำหน่ายบนเว็บไซต์ของตน

Source: http://www.revolveclothing.com

  • Zalando: ร้านค้าออนไลน์ในเยอรมนีใช้ผู้ช่วย AI ที่สนับสนุนข้อมูลจาก ChatGPT เพื่อให้คำแนะนำสินค้าและตอบคำถามที่ซับซ้อน ผู้ช่วยนี้ได้เปิดตัวเป็นครั้งแรกในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ 

แนวโน้มที่ 2 ให้ความสำคัญกับ DE&I (Diversity, Equity and Inclusion) ผู้บริโภคต้องการเห็นบริษัทต่าง ๆ สนับสนุนความหลากหลาย ความเสมอภาค และการยอมรับความแตกต่าง DE&I เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความยั่งยืนในอุตสาหกรรมแฟชั่น บริษัทต่าง ๆ ควรมีการกำหนดนโยบายและเป้าหมายที่ชัดเจน รวมถึงจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม ตัวอย่างเช่น  

  • ในสัปดาห์แฟชั่นนิวยอร์ก แบรนด์สัญชาติอเมริกัน Batsheva ใช้นางแบบที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปทั้งหมด และที่สัปดาห์แฟชั่นลอนดอนสำหรับคอลเล็กชัน Spring-Summer 2024 หรือแบรนด์ Chopova Lowena และ Karoline Vitto ประสบความสำเร็จในการใช้นางแบบที่เป็นสาวพลัสไซส์เกือบ 100%

 Source: http://www.batsheva.com

  • Raul Lopez ผู้ก่อตั้งแบรนด์แฟชั่นสัญชาติอเมริกัน Luar เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผู้มีพรสวรรค์ “BIPOC” ย่อมาจาก Black, Indigenous, and People of Color หรือ ผู้มีพื้นเพเป็นชนกลุ่มน้อยหรือชนพื้นเมือง ซึ่งมีสมาชิกเป็นนักออกแบบที่มีชื่อเสียงคนอื่น ๆ อย่าง Maximilian Davis แห่ง Ferragamo และ Pharrell Williams แห่ง Louis Vuitton การจ้างงานกลุ่มนักออกแบบ BIPOC จะช่วยสร้างความหลากหลายในไอเดียให้กับวงการแฟชั่น ก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีในมุมมองของผู้บริโภค

แนวโน้มที่ 3 สานสัมพันธ์กับกลุ่มคอนเทนต์ครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ ปฏิเสธได้ยากถึงความสำคัญของ Creator Economy ด้วยเพราะระบบเศรษฐกิจปัจจุบันขับเคลื่อนด้วยคอนเทนต์ นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงวิถีการทำงานในอุตสาหกรรมแฟชั่น การสร้างความสัมพันธ์กับผู้ทำงานในกลุ่มนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัท สร้างความน่าสนใจให้กับแบรนด์และดึงดูดผู้บริโภคได้ ตัวอย่างเช่น TikTok ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลักงาน Met Gala 2024 ได้เปิดตัวบริการใหม่ให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลของงานได้โดยการค้นหาคำสำคัญ นอกจากนี้ TikTok ยังได้จัดตั้งกลุ่ม TikTok Collective ประกอบด้วยนักสร้างสรรค์ด้านแฟชั่น 33 คน ซึ่งสามารถนำเสนอตัวเองในงานร่วมกับแบรนด์ที่เป็นพาร์ตเนอร์ด้วย